เคลมไว!เศรษฐีบีทีซีหายวับ30,000คน กูรูยันนักลงทุนสถาบันไม่ทิ้งบิตคอยน์

เศรษฐกิจ (ในประเทศ - ต่างประเทศ)

ปีที่ผ่านมา บิตคอยน์ส่งให้นักลงทุนมากมายกลายเป็นเศรษฐีเงินล้านในชั่วพริบตาหลังจากมูลค่าสินทรัพย์ดิจิตอลพุ่งไม่หยุดฉุดไม่อยู่ โดยตอนที่ราคาขึ้นสูงสุดนั้น แค่มีบิตคอยน์ 14.5 เหรียญก็กลายเป็นเศรษฐีเงินล้านแล้ว ในทางกลับกัน ผู้ถือบิตคอยน์มากมายสูญสถานะเศรษฐีเงินล้านในบัดดลตอนที่ราคาดิ่งลงเกือบ 50% จากสถิติสูงสุดตลอดกาล แต่ถึงกระนั้น กูรูยืนยันนักลงทุนประเภทสถาบันยังไม่คิดตีจากบิตคอยน์

ทั้งนี้ ตอนที่บิตคอยน์ (บีทีซี) ทำสถิติสูงสุดตลอดกาลที่ 69,000 ดอลลาร์ จำนวนเศรษฐีเงินล้านจากบิตคอยน์เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 108,000 คนครั้งแรก จนกระทั่งตลาดคริปโตเริ่มล่มในเดือนธันวาคมปีที่แล้วและลามข้ามปีมาถึงเดือนมกราคม ผลลัพธ์คือช่วงสองเดือนนี้ผู้ถือบิตคอยน์ราว 30,000 คนสูญสถานะเศรษฐีเงินล้าน โดยล่าสุดจำนวนผู้ถือบิตคอยน์มูลค่าอย่างน้อย 1 ล้านดอลลาร์ลดเหลือแค่ 80,409 คน

วาฬหรือผู้ที่ถือคริปโตจำนวนมากหนีไม่พ้นปรากฏการณ์นี้ โดยจำนวนวาฬที่ถือบิตคอยน์เกิน 10 ล้านดอลลาร์ลดลงถึง 40% จากช่วงที่ราคาพีคสุด 10,587 ราย เหลือ 6,960 ราย

ทั้งนี้ เมื่อตลาดล่ม นักลงทุนกลุ่มหนึ่งมักรีบเทขายเพราะกลัวว่า ราคาจะดิ่งลงอีก บิตคอยน์ก็เช่นกัน แต่การล้างพอร์ตไม่ได้ช่วยอะไร เพราะตอนที่ตลาดล่มมีการเทขายบีทีซีมูลค่ารวมเกือบ 1,000 ล้านดอลลาร์

กระนั้น ยังมีนักลงทุนบางส่วนที่ถือบิตคอยน์ไม่ว่าตลาดจะดิ่งเหวหรือพุ่งสุดขีด ทำให้บีทีซียังคงเป็นคริปโตที่มีอัตราการถือครองยาวนานที่สุดสกุลหนึ่ง กล่าวคือผู้ถือบีทีซีกว่าครึ่ง (59%) ถือเหรียญนานเกิน 1 ปี ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจเมื่อพิจารณาว่า สินทรัพย์ดิจิตอลสกุลนี้ทำสถิติสูงสุดครั้งแล้วครั้งเล่าในปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ผู้ถือครองบิตคอยน์ส่วนใหญ่ยังเชื่อมั่นว่า ราคาจะกลับสู่ภาวะกระทิงและยังเลือกสะสมเหรียญต่อ โดยเฉพาะในบรรดาวาฬ ซึ่งข้อมูลระบุว่า ถือบิตคอยน์รวมกัน 10% จากปริมาณที่หมุนเวียนในตลาดทั้งหมด และตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ผู้เล่นรายใหญ่เปิดตัวเข้าสู่ตลาดและแข่งกันสะสมบีทีซี

ขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญด้านคริปโต 2 คนลงความเห็นว่า สถานการณ์ตลาดคริปโตล่มตั้งแต่ต้นปีนี้ไม่มีแนวโน้มผลักไสนักลงทุนประเภทสถาบันให้เลิกพยายามมีส่วนร่วมในการเติบโตของสินทรัพย์ดิจิตอล

นับจากต้นปีบีทีซีร่วงไปแล้ว 20% และเทรดอยู่แถวๆ 36,900 ดอลลาร์เมื่อวันศุกร์ (28 ม.ค.) หลังจากตกไป 19% ในเดือนธันวาคม ส่วนอีเธอร์ที่เป็นอัลต์คอยน์มูลค่าสูงสุด รูดไป 33% ตลอดเดือนมกราคม และซื้อขายที่ราว 2,470 ดอลลาร์เมื่อวันศุกร์ ข้อมูลของคอยน์มาร์เก็ตแคประบุว่า เฉพาะวันศุกร์วันเดียวตลาดคริปโตดิ่งลง 24% อยู่ที่ราว 1.67 ล้านล้านดอลลาร์

คริส ไคลน์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการและผู้ร่วมก่อตั้งบิตคอยน์ ไออาร์เอ แอปที่ช่วยให้ผู้ใช้ลงทุนในคริปโตด้วยบัญชีเพื่อการเกษียณอายุ ชี้ว่า ทุกตลาดตกหมดตั้งแต่ต้นปี โดยเฉพาะบิตคอยน์และคริปโตที่ราคาผันผวนมากกว่าตลาดอื่นๆ อยู่แล้ว เนื่องจากมีแนวโน้มราคาพุ่งขึ้น 100% ใน 1 ปี ซึ่งไม่มีทางเกิดขึ้นกับดัชนีเอสแอนด์พีหรือดาวโจนส์

ก่อนที่จะถูกเทขายแบบนี้ ราคาบิตคอยน์ทะยาน 60% ในปี 2021 ส่วนราคาอีเธอเรียมพุ่งพรวดถึง 400% ซึ่งไคลน์บอกว่า เป็นผลจากนักลงทุนประเภทสถาบันขนาดใหญ่และบริษัท เช่น โกลด์แมน แซคส์ ที่รวมหรือขยายบิตคอยน์ในกลยุทธ์ธุรกิจและการลงทุน

เขาสำทับว่า ไม่มีแนวโน้มว่า นักลงทุนประเภทสถาบันจะเข็ดขยาดและพากันเทขาย ในทางกลับกันนักลงทุนเหล่านั้นกลับฉวยโอกาสจากสถานการณ์นี้ เช่น เอลซัลวาดอร์และไมโครสแตรทเทอจี้ที่ต่างเข้าไปซื้อบิตคอยน์เพิ่ม

เอลซัลวาดอร์ ประเทศแรกในโลกที่ยอมรับบิตคอยน์เป็นสกุลเงินที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย เข้าซื้อบิตคอยน์ 410 เหรียญด้วยทุนเพียง 15 ล้านดอลลาร์ตอนที่ราคาตก และจากข้อมูลของคอยน์เดสก์ ประเทศนี้ถือครองบิตคอยน์อยู่กว่า 1,500 เหรียญ และยังมีแผนออกพันธบัตรบีทีซีระยะ 10 ปีมูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้

ส่วนไมโครสแตรทเทอจี้ ผู้ผลิตซอฟต์แวร์เพื่อการวิเคราะห์สำหรับธุรกิจ อาศัยช่วงที่ราคาบีทีซีร่วงซื้อเก็บรวม 94 ล้านดอลลาร์ ไมเคิล เซย์เลอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร (ซีอีโอ) ให้สัมภาษณ์บลูมเบิร์กเมื่อเร็วๆ นี้ว่า ไม่มีแผนเปลี่ยนแปลงการซื้อบิตคอยน์แม้ราคายังทรุดอยู่ก็ตาม

ไมโครสแตรทเทอจี้นั้นเป็นบริษัทจดทะเบียนแห่งแรกในอเมริกาที่ซื้อและถือบิตคอยน์ในงบดุลเมื่อปี 2020 และจนถึงวันนี้สะสมบีทีซีอยู่ทั้งสิ้น 124,391 เหรียญ คิดเป็นมูลค่าราว 5,000 ล้านดอลลาร์

ทางด้านอิริก เฉิน ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งอินเจ็กทีฟ แล็บส์ ตลาดซื้อขายที่ไร้ตัวกลางที่ได้รับการบ่มเพาะโดยไบแนนซ์ แพลตฟอร์มเทรดคริปโตชื่อดัง และได้รับการสนับสนุนจากมาร์ก คิวบัน นักลงทุนพันล้าน บอกว่า บริษัทการเงินกำลังแนะนำให้นักลงทุนเพิ่มสินทรัพย์ดิจิตอลในพอร์ต และเขาคิดว่า ถึงราคาผันผวนหรือมีการเทขายโดยทั่วไป แต่จะไม่กระทบต่อความสนใจของนักลงทุนประเภทสถาบันอย่างแน่นอน

อ้างอิง
https://m.mgronline.com/stockmarket